พะเยา คณะกรรมการโรคติดต่อประเมินความเสี่ยงสถานการณ์โควิด-19เพื่อการเปิดเมือง
สนใจติดต่อลงโฆษณาและติดตามข่าวสาร www.phayaonewreport.com หรือ โทร 0636329479
นายกมล เชียงวงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา มอบหมายให้ นายชุติเดช มีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพะเยาครั้งที่ 10/2563 ที่ห้องประชุมภูกามยาวชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดพะเยา เพื่อติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)จังหวัดพะเยา โดยมี นายแพทย์ไกรสุข เพชระบูรณิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพะเยา เลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพะเยา และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพะเยาประชุมโดยพร้อมเพียงกัน
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพะเยา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเฝ้าระวังติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 จังหวัดพะเยา ได้รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดพะเยาและนำเสนอการประเมินความเสี่ยงและข้อมูลสนับสนุนเพื่อการรีโอเพน ( Re Open) หรือ เอ็กซิท ล็อคดาวน์ (Exit locked down) สถานการณ์ด้านการแพทย์ จังหวัดพะเยา มีรายงานผู้ป่วยยืนยัน 3 ราย รักษาหายแล้ว 1 ราย รักษาอยู่ 1 ราย เสียชีวิต 1 ราย และไม่มีผู้ป่วยใหม่ในช่วง 22 วัน (รายสุดท้ายพบเมื่อ 7 เม.ย.63) สถานการณ์ด้านสังคม ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา/ส่วนราชการ มีนโยบายเข้มในการป้องกันโรค ประชาชนร้อยละ 99.8 มีพฤติกรรมป้องกันโรคสถานการณ์ด้านการแพทย์ จังหวัดพะเยามีพื้นที่เกิดโรค 3 แห่ง ต.แม่ปืม อ.เมืองพะเยา ต.ลอ อ.จุน และ ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ มีการเฝ้าระวังผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคและสำรวจกลุ่มเสี่ยง และมีขีดความสามารถของทรัพยากรรองรับอย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม จังหวัดพะเยาจะต้องรอแนวทางปฏิบัติ นโยบายและข้อสั่งการจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ระดับประเทศ
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาการทบทวนและออกแบบกิจกรรม active case finding โ ดยทีมงานวิจัยของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา ตามโครงการป้องกันและยับยั้งภัยพิบัติฉุกเฉินโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จังหวัดพะเยา ซึ่งใช้เงินทดรองการปฏิบัติราชการเชิงป้องกันการเชิงปฏิบัติการป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พะเย ประจำปีงบประมาณพ. ศ. 2563 เป็นเงิน 3,066,035 บาท เพื่อดำเนินการตรวจความพร้อมด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมของสถานประกอบการที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อการค้นหาผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มผู้ที่ไม่แสดงอาการเชิงรุก (active case finding) 4 ช่วง จำนวน 3,000 คน เพื่อรองรับการเปิดเมือง และได้พิจารณารับรองการเฝ้าระวังกับตัวและครบกำหนดปล่อยกลับภูมิลำเนาของกำลังพลที่ครบกำหนดปลดประจำการ สังกัดกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 17 และกองพันทหารราบที่ 17 กรมทหารราบที่ 17 ซึ่งจะมีการส่งกลับถึงภูมิลำเนายังจังหวัดปลายทางต่อไป.